iPhone SE 2 ลุ้นเปิดตัวต้นปี 2020 วิเคราะห์สเปค, ราคาเริ่มต้น 12,000.

iPhone SE 2 ลุ้นเปิดตัวต้นปี 2020 วิเคราะห์สเปค, ราคาเริ่มต้น 12,000.

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก TF International ได้มีการเปิดเผยข้อมูลความน่าจะเป็นเกี่ยวกับว่าที่สมาร์ทโฟนราคาประหยัดจากค่าย Apple อย่าง iPhone SE 2 ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 พร้อมแว่นตา AR glasses ที่มีข่าวลือก่อนหน้า.

จาการวิเคราะห์ของ Kuo (ที่ค่อนข้างมีความแม่นยำสูง) 

คาดว่า iPhone SE 2 จะมาในรูปปบบดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone 8 มาพร้อมชิพเซ็ตตัวใหม่ A13 Bionic และอาจจะได้บางฟีเจอร์จาก iPhone 11 เช่น Haptic Touch, ระบบความปลอดภัยจะไม่ใช่ Face ID แต่จะเป็น Touch ID แทน ซึ่งการใส่ Touch ID จำเป็นต้องเว้นพื้นที่สำหรับปุ่มโฮม จอที่ได้จะไม่เป็นแบบ edge-to-edge หรือแบบจอเต็มขอบเหมือน iPhone 11, หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว แบบ LCD ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล เป็นเรื่องปกติสำหรับรุ่นราคาประหยัดแต่ก็ยังดุค่อนข้างด้อยไปเมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆ และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะได้กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าที่ 7 ล้านพิกเซล

ส่วนของราคา Kuo คาดว่า iPhone SE 2 จะมีราคาในรุ่นเริ่มต้นอยู่ทที่ $399 เหรียญฯ (ประมาณ 12,000 บาท) จะมีแค่ 2 โมเดลคือ 64Gb และ 128GB พร้อม RAM 3GB.

ในส่วนของการตลาดและยอดขาย Kuo วิเคราะห์ว่า Apple ผลิต iPhone SE 2 ได้ประมาณ 2-4 ล้านเครื่องต่อเดือนในปีหน้าและจะทำยอดขายได้ราวๆ  30-40 ล้านเครื่อง โดยมีหลุ่มเป้าหมายลูกค้าเป็นผุ้ที่มีเริ่มมีความสนใจอยากจะลองหันมาใช้ iOS ครั้งแรก และผู้ใช้เดิมที่ไม่อยากจ่ายจ่ายแพงขึ้น.

นอกจากนี้ มร. เคน หู ยังเสนอแนะให้รัฐบาลในประเทศต่างๆ เริ่มวางแผนที่จะตอบรับความต้องการในคลื่นความถี่ใหม่ให้ครอบคลุมภายใน5-10ปีข้างหน้านี้ พร้อมชี้ว่า คลื่นความถี่ในช่วง 6GHzเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี.

“อุตสาหกรรมของเราต้องการการสนับสนุนด้านทรัพยากรของไซท์สัญญาณเพิ่มขึ้นด้วย. ปัจจุบัน ต้นทุนยังสูงอยู่มาก ในขณะที่ไซท์สัญญาณไม่เพียงพอกับความต้องการเสมอ หน่วยงานกำกับดูแลควรริเริ่มและส่งเสริมให้มีการเปิดให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในรูปแบบของการแบ่งปัน. ยังรวมถึงออกแนวทางสำหรับการก่อสร้างไซท์สัญญาณ.” มร. เคน หู กล่าวต่อ

มหานครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองตัวอย่างที่รัฐบาลได้สร้างเสาไฟฟ้าอเนกประสงค์มาตรฐานใหม่. ภายในปี2020เซี่ยงไฮ้จะติดตั้งเสาไฟฟ้ารูปแบบใหม่นี้ตลอดระยะทาง500กิโลเมตรของถนนสาธารณะ เพื่อเพิ่มแหล่งจ่ายสัญญาณ5G อีก 30,000 แห่ง คิดเป็น 75%ของสถานีกระจายสัญญาณไร้สายทั่วเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน.

ส่วนในยุโรป กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโดยตรง เพื่อกำหนดความต้องการและระบุข้อบังคับในการใช้แหล่งจ่าย5Gและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะร่วมกัน (เช่น ไฟจราจร ป้ายจราจร และป้ายรถเมล์) เพื่อลดต้นทุนให้ทุกภาคส่วนด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้ร่วมกันได้.

ขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

มร. เคน หู กล่าวปิดท้ายด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน. เรายังมีความท้าทายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองก์ความรู้ของภาคอุตสาหกรรมแบบเดียวกันในแนวดิ่ง, กรณีศึกษาตัวอย่าง และการพัฒนาให้สามารถทำเป็นธุรกิจได้ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือร่วมแรงกัน ด้วยการเปิดใจ ทำงานร่วมกันกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อหาปัญหาที่แท้จริงและค้นหาว่าอะไรที่ได้ผลหรือไม่ได้ผล ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้ศักยภาพของ5Gได้สูงสุด.”

ในการส่งเสริมนวัตกรรมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนและความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่กว้างขวางขึ้น. หัวเว่ยได้เปิดศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือ5Gสำหรับยุโรปเป็นแห่งแรกในเมืองซูริค. ศูนย์นี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและซันไรส์ ซึ่งนับเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถทำงานร่วมกันและพัฒนาโซลูชั่น5Gเฉพาะทางสำหรับภาคอุตสาหกรรม.

“เห็นได้ชัดว่าแต่ละประเทศมีจุดแข็งทางเศรษฐกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นขอบเขตที่เราสามารถนำเทคโนโลยี5Gเข้าไปเสริมโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมแบบเฉพาะเจาะจง. เพื่อเป็นการต่อยอดความสามารถในการแข่งขันของประเทศนั้นๆ.” มร. เคน หู กล่าวสรุป.

สำหรับงานGlobal Mobile Broadband Forumในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน จากผู้ให้บริการเครือข่าย อุตสาหกรรมแบบเดียวกันในแนวดิ่ง. บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ องค์กรที่กำหนดมาตรฐานต่างๆ หน่วยงานวิเคราะห์การตลาด และสื่อมวลชน โดยมีการจัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยี5G โซลูชั่นเชิงพาณิชย์. รวมถึงการใช้ 5G ในระดับผู้บริโภค ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมบริการคลาวด์ AR/VR ผ่าน 5G การถ่ายทอดสัญญาณภาพบนความละเอียด 8K การเล่นเกมผ่านคลาวด์ แมชชีนวิชั่น และโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยี 5Gเพื่อการควบคุมทางไกล.

ดังนั้น คำว่า “ที่ไหนก็ได้ที่พร้อม” ในที่นี้หมายถึงการรับบริการในหน่วยบริการ 3 ประเภทข้างต้นที่ร่วมให้บริการผู้ป่วยมะเร็งบัตรทอง เป็นการกระจายระบบบริการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ผ่านการดูแลและอำนวยความสะดวกโดยผู้ประสานงานโรคมะเร็งในแต่ละหน่วยบริการ ซึ่งจะพิจารณาถึงศักยภาพบริการและระยะเวลารอการรักษา เป็นต้น

โดยมีระบบเชื่อมโยงข้อมูล และระบบส่งต่อไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพด้านมะเร็ง ซึ่งจะทำให้เกิดการรักษาและดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและรักษาได้ทันท่วงที

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น